ดอกเบี้ยบ้าน MRR MOR MLR คืออะไร
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน MRR MOR MLR คืออะไรกันนะ วันนี้เรามีคำตอบ..
กู้ซื้อบ้านจะเลือกดอกเบี้ยบ้านแบบไหนดี | วิธีเลือกสินเชื่อบ้าน
กู้ซื้อบ้านจะเลือกดอกเบี้ยบ้านแบบไหนดี | วิธีเลือกสินเชื่อบ้าน
สวัสดีครับผม วิน Guru Living ครับ วันนี้ผมจะคุยกับหัวข้อที่ได้รับความสนใจมากๆและผมเชื่อว่าต้องเป็นปัญหาของหลายๆคนแน่ๆครับ นั่นคือ เวลาที่เราจะกู้ขอสินเชื่อบ้านเราจะเลือกดอกเบี้ยบ้านแบบไหนดี ดอกเบี้ยบ้านแบบไหนที่เหมาะกับเราคลิปนี้ผมจะมาสรุปให้ฟังครับ
ลักษณะของดอกเบี้ยบ้านที่เราจะมาคุยกันวันนี้นะครับมันจะแบ่งได้ 2 แบบหลักๆครับนั่นคือแบบคงที่และแบบลอยตัวครับ
ดอกเบี้ยบ้านแบบคงที่คือ
ดอกเบี้ยบ้านที่ธนาคารจะกำหนดเป็นค่าตายตัวเลยครับว่าปีที่เท่านี้เราจ่ายดอกเบี้ยเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นบางธนาคารบอกว่าให้อัตราดอกเบี้ยคงที่
ปีที่ 1 2.5%
ปีที่ 2 2.8%
ปีที่ 3 3%
ดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายให้กับธนาคารก็จะเป็นไปตามที่ตกลงตามนี้เลยครับไม่มีการเพิ่มขึ้นหรือลดลง
แต่สำหรับดอกเบี้ยบ้านอีกแบบนะครับเรียกว่าดอกเบี้ยแบบลอยตัวครับ
ขึ้นดอกเบี้ยแบบลอยตัวนี้ครับอัตราดอกเบี้ยจะถูกหรือแพงจะขึ้นอยู่กับค่าที่เรียกว่า MRR ครับ Minimum Retail Rate อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารปล่อยให้กับลูกค้ารายย่อยนะครับก็คือถ้าเรากู้สินเชื่อบ้านหรือว่าสินเชื่อส่วนบุคคลเนี่ยเราก็จะใช้ค่า mrr ตัวนี้ล่ะครับในกรณีเราเป็นลูกค้ารายย่อยทั่วไป
โดยถ้าเป็นดอกเบี้ยแบบลอยตัวธนาคารก็อาจจะกำหนดว่าเช่น
ปีที่ 1 MRR 4
ปีที่ 23 MRR 3
ซึ่งถ้าธนาคารให้อัตราดอกเบี้ยมาแบบนี้ครับเราก็ต้องมาดูค่า mrr ปัจจุบันของธนาคารนั้นๆครับว่าตอนนี้ MRR ของเขาอยู่ที่เท่าไร
ยกตัวอย่างให้ดูแบบเห็นภาพชัดๆเลยนะครับสมมุติว่าผมไปกู้เงิน
ธนาคาร A ตอนนี้ mrr ของธนาคารนี้อยู่ที่ 6%
ถ้าแทนค่าจากโจทย์ด้านบนจะได้เป็น
ปีที่ 1 MRR 4 = 64 = 2%
ปีที่ 23 MRR 3 = 6 3 = 3%
สวัสดีครับก็เป็นทั้ง 2 รูปแบบของอัตราดอกเบี้ยนะครับซึ่งโดยปกติเวลาเราไปกู้ซื้อบ้านหรือรีไฟแนนซ์บ้านครับเราจะต้องเลือกว่าเราจะเลือกแบบไหน
มาถึงคำถามสำคัญนะครับว่าตกลงแบบไหนดีกว่ากันนะครับ
โดยส่วนมากแล้วนะครับ ถ้าเราเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวครับอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยแล้วจะถูกกว่าแบบคงที่มากๆครับเพราะธนาคารไม่จำเป็นต้องแบกความเสี่ยง
ความเสี่ยงอะไรรู้ไหมครับ ถ้าเราเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวครับอัตราดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายธนาคารจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยรวมของประเทศครับ ดังนั้นครับหมายความว่าถ้าช่วงไหนอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศลดลงช่วงนั้นเราก็จะจ่ายดอกเบี้ยต่ำไปด้วยครับ เหมือนช่วงเวลานี้นะครับที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายค่อนข้างต่ำ แต่ในทางกลับกันครับ ถ้าเกิดว่าช่วงไหนอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้นหมายความว่าเราต้องจ่ายดอกเบี้ยใน Rate ที่แพงขึ้นเหมือนกันครับ
ซึ่งจริงๆแล้วแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายครับ ของประเทศต่างๆทั่วทั้งโลกเลยนะครับจริงๆมันมีแนวโน้มเป็น Down Trend หรือจะลดลงเรื่อยๆครับ แต่มันก็มีบางช่วงเวลาเหมือนกันนะครับที่ดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวขึ้นดังนั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังและทำความเข้าใจกันนะครับ
แต่สำหรับคนที่เลือกอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่หรือที่เรียกว่า Fix Rate นะครับ ผมต้องบอกว่าการเลือกแบบนี้ครับเราไม่ต้องสนใจเศรษฐกิจไม่ต้องสนใจดอกเบี้ยนโยบายว่าเขาจะเพิ่มหรือเขาจะลดเลยครับเราจ่ายดอกเบี้ยตามแต่ตกลงกับธนาคารเลย
ดังนั้นครับกลับมาคำถามเลยว่าตกลงเราควรเลือกอะไรดีครับของผมนะครับเอาที่เราสบายใจครับถ้าเกิดว่าเราคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงเรื่อยๆนะครับเราก็อาจจะเลือกเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวก็ได้เพราะเราจะได้ดอกเบี้ยที่ถูกลงเรื่อยๆครับแบบนี้ก็โอเคหรือถ้าใครเป็นคนไม่ชอบเสี่ยงหรือไม่ชอบลุ้นนะครับอยากได้อะไรที่มันคงที่เป็นตัวเลขที่สามารถคำนวณได้ก็อาจจะเลือกเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ซึ่งมันก็ไม่มีผิดไม่มีถูกนะครับ
ต้องบอกอย่างนี้นะครับว่าอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันสัก 12 เปอร์เซ็นต์ สำหรับบางคนเขายอมแลกมาครับเพื่อความสบายใจเล็กๆน้อยๆนะไม่ต้องมากังวลว่าต่อให้เศรษฐกิจมันเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนต่อให้ดอกเบี้ยมันขึ้นขนาดไหนเขาก็ยังจ่ายในอัตราที่เขายอมรับได้แบบนี้มันก็มีเหมือนกันนะครับสุดท้ายก็ลองไปพิจารณากันดูนะฮะ
ดอกเบี้ยบ้าน กู้บ้าน เลือกดอกเบี้ยบ้าน ดอกเบี้ย สินเชื่อบ้าน
วิธีคิดดอกเบี้ย ง่ายๆ เข้าใจได้ทันที
วิธีคิดดอกเบี้ย ง่ายๆ เข้าใจได้ทันที
ประกัน MRTA คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับคนที่จะกู้ซื้อบ้าน | Guru Living
ประกัน MRTA คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับคนที่จะกู้ซื้อบ้าน | Guru Talk
MRTA คือ ประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อหรือ Mortgage Reducing Term Assurance คือ ประกันที่มีไว้คุ้มครองเราในฐานะผู้กู้และคุ้มครองธนาคารในฐานนะผู้ให้กู้ครับ ซึ่ง MRTA จะคุ้มครองด้วยวงเงินและระยะเวลาที่เรากำหนดครับ ยกตัวอย่างเช่น เรากู้เงินธนาคารจำนวน 2,000,000 บาทและเราเลือกซื้อประกัน MRTA จำนวน 100% ในระยะเวลา 30 ปี ก็หมายความว่า เราจะได้ความคุ้มครองเต็มวงเงิน 2,000,000 บาท ตลอดการผ่อนชำระสินเชื่อก้อนนี้คับ แต่ว่าเราสามารถเลือกได้นะครับว่าเราจะซื้อ MRTA ในอัตราส่วนเท่าไร 90% , 80% 70% และ ซื้อในระยะเวลาเท่าไร 10 ปี 20 ปี แล้วแต่ แต่ละธนาคารกำหนดเลยครับ
สรุปง่ายๆเลยนะครับ MRTA คือประกันรูปแบบหนึ่งที่มีไว้คุ้มครองหนี้บ้านเรานั่นเองครับ
MRTA คุ้มครองในกรณีไหนบ้าง
ประกันตัวนี้จะคุ้มครองในกรณีที่เรา เสียชีวิตหรือทุพพลภาพฐาวร(คือพิการนั่นแหละครับ) จนไม่สามารถผ่อนชำระสินเชื่อต่แอไปได้ MRTA นี้แลหะครับจะมีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนที่เหลือตามวงเงินที่เราได้ซื้อไว้ตอนแรกครับ
MRTA จำเป็นต้องทำไหม
จริงๆแล้วทางธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้บังคับไว้ว่าการยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะต้องบังคับให้ทำประกัน MRTA นะครับและธนาคารแห่งประเทศไทยังบังคับธนาคารพาณิชย์ด้วยนะครับว่าห้ามคับขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์และด้านประกันภัยควบคู่กับผลิตภัณฑ์ของธนาคารพาณิชย์ ดังนั้นเรามีสิทธิที่จะเลือกได้ครับว่าเราจะซื้อ MRTA ควบด้วยหรือไม่
แต่ปรกติแล้วธนาคารส่วนมากจะจัด package สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ควบกับ MRTA ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเสมอครับ พูดง่ายๆวาสถ้าคุณขอสินเชื่อพร้อม MRTA คุณจะได้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่า
อ้าวเห้ย มันเหมือนกับว่าธนาคารเขาก็เล่นแง่กับเราหนะสิครับ ไม่บังคับแต่ถ้าซื้อรวมจะได้ดอกเบี้ยถูกกว่า ทำแบบนี้มันก็เหมือนบังคับให้ซื้อสิจริงไหม อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจกันนะครับ ผมอยากจะขอนำเสนอในมุมมองของผมก่นว่าทำไม MRTA ถึงจะสำคัญกับคุณ
MRTA คือประกันรูปแบบหนึ่งครับ และผลิตภันพวกประกันมีหน้าที่ออกแบบมาเพื่อลดคามเสี่ยงให้กับคนที่ซื้ออยู่แล้วครับ ไม่ว่จะเป็นประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันรถยนต์ ประกัน MRTA นี่ก็เหมือนกันครับ MRTA มีหน้าที่รับความเสี่ยงให้คุณในกรณีที่คุณอาจเกิดอุบัติเหตุ หรือ พิการจนไม่สามารถผ่อนบ้านได้ ประกันตัวนี้จะรับผิดชอบส่วนที่เหลือแทนคุณเองครับ
ผมยกตัวอย่างนะครับถ้าคุณเป็นหัวหน้าครอบครัวที่หารายได้คนเดียวและคุณยื่นกู้บ้านหลังนี้คนเดียว ถ้าวันนึงเกิดเหตไม่คาดฝันขึ้น ใครจะเป็นคนผ่อนยอดธนาคารนี้แทนคุณหละครับ รายได้ที่เคยมีมาก็จะหายไป คนที่ต้องมารับผิดชอบในส่วนนี้ก็ต้องเป็นคนในครอบครัวคุณ การลดความเสี่ยงในเหตุการณ์ที่ผมยกตัวอย่างมานี้เป็นหน้าที่ของประกัน MRTA ครับ
เหตุผลที่ ธนาคารเขาให้ดอกเบี้ยคนที่ซื้อ MRTA ถูกกว่าเป็นเพราะว่ามันคือหลักประกันว่าหนี้ก้อนนี้จะมีคนรับผิดชอบแม้ว่าคุณจะไม่อยู่แล้วก็ตามครับ ในมุมมองของธนาคารคุณอาจคิดว่าทำไมเขาต้องแคร์ถ้าคุณไม่อยู่ เขาก็แค่ยึดบ้าน และ ขายทอดตลาดแค่นี้ก็จบใช่ไหมครับ
แต่จริงๆแล้วต้องบอกนะครับว่าธนาคารเขาไม่อยากได้บ้านมาหรอกครับ เขาแค่ต้องการเงินของเขาคืน เพราะการยึดบ้านและขายบ้านทอดตลาดมันมีทั้งขั้นตอน และ ค่าใช้จ่ายที่มากเลยนะครับ ดังนั้นสิ่งที่ธนาคารต้องการคือ คนรับผิดชอบในหนี้ก้อนนั้นครับ จึงไม่แปลกนะครับที่เขาจะให้ดอกเบี้ยคนที่ถูกกว่ากับคนที่ซื้อ MRTA ควบด้วย
ทั้งหมดที่ผมพูดมานี่เหมือนกับว่าผมค่อนข้างเชียร์ให้ซื้อ MRTA ใช่ไหมครับ ถูกต้องครับถ้าถามความเห็นของผมผมคิดว่า MRTA ไม่ได้ต่างอะไรกับประกันชีวิตหรอกนะครับที่มีไว้ป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตของเรา การทำประกันตัวนี้แม้จะเพิ่มค่าใช้จ่ายในการกู้ซื้อบ้านขึ้นเป็นจำนวนหลักแสนแต่ผมอยากให้เราลองมองกลับกันนะครับว่าเราเอาเงินหลักแสนมาป้องกันเงินหลักล้านหรือหลักหลายล้าน ซึ่งถ้ายิ่งเราเป็นคนที่หารายได้หลักแล้วหละก็ผมอยากชวนให้มาพิจารณาในเรื่องนี้มากขึ้นไปอีกครับ ที่เชียร์แบบนี้ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียนะครับแค่อยากให้ชวนคิดในอีกมุมนึง ถ้าเราระมัดระวังในเรื่องต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตอย่างรอบคอบแล้ว ชีวิตเราก็จะเจอแต่เรื่องที่ดีครับผมเชื่ออย่างงั้นครับ
………………………………………………
ติดต่องาน
Mail: [email protected]
website: https://gurulivingth.com/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCSqymhgsUgVLaQNF6L5gg
Facebook: https://www.facebook.com/gurulivingth/
………………………………………………
mrta ประกันสินเชื่อบ้าน ประกันmrta ประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อที่อยู่อาศัย mrtaคือ mrtaคืออะไร ประกันmrtaคือ mrtaดีไหม
รู้จัก MRR, MLR และ MOR
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ คงเลี่ยงไม่ได้สำหรับหลายๆคนที่ต้องใช้บริการสินเชื่อ BY Station ขอแปลความหมายของแต่ละตัวให้ฟังกันเลย ว่าแตกต่างกันอย่างไร ไปชมคะ
นอกจากการดูหัวข้อนี้แล้ว คุณยังสามารถเข้าถึงบทวิจารณ์ดีๆ อื่นๆ อีกมากมายได้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆwes-and-vps/